8.เห็นภาพซ้อน(Diplopia)
การมองเห็นภาพซ้อน เป็นความผิดปกติของดวงตา ที่ทำให้เราเห็นวัตถุที่มีชิ้นเดียว แยกออกเป็นสองชิ้น ก่อให้เกิดปัญหาในชีวิตประจำวัน คนไข้บางรายถึงกับมองเห็นถนนแยกออกเป็นสองเลน นั่นหมายความว่า การมองเห็นภาพซ้อน ไม่ได้เป็นเพียงแค่การก่อความรำคาญทางการมองเห็นเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อความปลอดภัยในการใช้ชีวิตอีกด้วย
โดยการเห็นภาพซ้อนนั้น สามารถเกิดได้กับดวงตาเพียงข้างเดียว หรือสองข้างก็ได้ นอกจากนั้น อาการดังกล่าว ยังเป็นการส่งสัญญาณอันตรายของโรคบางโรคได้เช่นกันค่ะ ส่วนการรักษา ก็ขึ้นอยู่กับสาเหตุที่พบ
แยกการมองเห็นภาพซ้อนออกเป็นสองกลุ่ม คือ
1.เห็นภาพซ้อนด้วยตาข้างเดียว (Monocular diplopia) สาเหตุ เช่น
- – สายตาเอียงหรือมีภาวะผิดปกติของส่วนโค้งบนผิวกระจกตา
- – กระจกตาโป่งพอง(Keratoconus)
- – ตาแห้ง(พบบ่อยที่สุด)
- – เปลือกตาบวม
- – ความผิดปกติบนจอประสาทตา เช่น จอประสาทตาบวม
- – กระจกตาเคลื่อน มักพบในกลุ่มของ โรคมาร์แฟน(Marfan’s syndrome) ซึ่งเป็นกลุ่มโรคที่เกิดจากความผิดปกติ ของเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของร่างกายและดวงตาของเรานั่นเองค่ะ
- – โรคต้อเนื้อ ซึ่งเกิดจากการดึงรั้งกระจกตาโดยเนื้อเยื่อด้านข้าง
- – โรคต้อกระจก
- เป็นต้น
2.เห็นภาพซ้อนเมื่อมองด้วยสองตา (Binocular diplopia)
กรณีนี้ เมื่อทำการปิดตาข้างใดข้างนึง ภาพซ้อนจะหายไป สาเหตุมักเกิดจากความผิดปกติของกล้ามเนื้อตา ซึ่งโรคที่ส่งผลต่อการทำงานของกล้ามเนื้อตา เช่น
- – เส้นประสาทที่ควบคุมกล้ามเนื้อตาได้รับความเสียหาย อาจมีสาเหตุเชื่อมโยงมาจากการติดเชื้อ เนื้องอกในสมอง หรือโรคหลอดเลือดในสมอง
- – โรคเกรฟส์(Graves’ disease)เกิดจากความผิดปกติของต่อมไทรอยด์ ส่งผลทำให้กล้ามเนื้อตาอักเสบและหนาตัวขึ้น จนทำให้เห็นภาพซ้อนได้ในบางราย
- – โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (MG:Myasthenia Gravis) เป็นความผิดปกติของกล้ามเนื้อและระบบประสาท ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง ซึ่งส่งผลต่อดวงตาได้ในบางราย
- – โรคเบาหวาน อาจมีผลทำให้เส้นประสาทที่ควบคุมกล้ามเนื้อตาเกิดความเสียหายได้
- – กล้ามเนื้อตาได้รับบาดเจ็บ
- – ตาเหล่ ตาเข
- เป็นต้น
ขอหยิบยกเคสคนไข้รายหนึ่ง มาเป็นกรณีศึกษานะคะ
เมื่อไม่นานมานี้ ได้มีคนไข้มาพบกับนักทัศนมาตร ด้วยอาการเห็นภาพซ้อน ปิดตาข้างนึงแล้วภาพซ้อนหายไป ได้ไปทำการวัดสายตาแล้วตัดแว่นมาใหม่กับร้านแว่นตาแห่งหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้น จึงรีบเข้ามาปรึกษากับทางเรา นักทัศนมาตรได้ทำการตรวจระบบการมองเห็นทั้งหมด ไม่ว่าจะเรื่องของสายตา ยาวไปจนถึงสุขภาพตาทั้งส่วนหน้า และส่วนหลัง(จอประสาทตา) ผลปรากฎว่า เกิดจากความผิดปกติทางด้านกล้ามเนื้อตา ความดันลูกตาที่สูงกว่าคนปกติ และมีความดันโลหิตสูง จากการนอนพักผ่อนไม่เพียงพอ อีกทั้งพบขั้วประสาทตามีขนาดใหญ่ มีจุดเลือดออกที่จอประสาทตาบางจุด
โดยผลวินิจฉัยพบว่า คนไข้อาจมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคต้อห้อหิน ซึ่งโรคนี้มีผลทำให้เซลล์ประสาทในตาได้รับเลือดมาเลี้ยงไม่เพียงพอ และเสี่ยงต่อการเป็นโรคอื่นๆเช่น โรคหลอดเลือดสมอง โรคเนื้องอกในสมอง เป็นต้น ทั้งนี้ ต้องได้รับการตรวจด้านระบบอื่นๆในร่างกายต่อไป ทางเราจึงมีการแนะนำ และส่งต่อคนไข้ให้ไปยังโรงพยาบาล เพื่อทำการตรวจเพิ่มเติมให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อร่างกายและการมองเห็นมากกว่านี้ ก่อนกลับ ได้มีการแนะนำให้ใช้ผ้าพันปิดตาไว้ข้างนึงก่อน เพื่อจะได้ไม่เกิดอันตรายต่อการใช้รถใช้ถนน ขณะเดินทางไปยังโรงพยาบาล
เห็นไหมล่ะคะ ว่าความผิดปกติทางการมองเห็น ไม่ใช่มีเพียงแค่เรื่องของสายตาสั้น-ยาว-เอียง เท่านั้น ในบางอย่าง แว่นหรือคอนแทคเลนส์ ก็ไม่สามารถช่วยแก้ไขได้ทั้งหมด ดังนั้นสิ่งสำคัญก็คือ การหมั่นมาตรวจสุขภาพตาเป็นประจำทุกปีกับแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญทางด้านสายตา(นักทัศนมาตร) หรือหากมีความผิดปกติอย่างเช่นอาการเห็นภาพซ้อน อย่างที่เรานำบทความมาฝากกันในวันนี้ ก็ไม่ควรนิ่งนอนใจ สามารถเข้ารับคำปรึกษากับเรา นักทัศนมาตร ได้ที่ร้านแว่นตาศรไทยทุกสาขาเลยนะคะ
ขอจบบทความเพียงเท่านี้ อาจยาวไปสักเล็กน้อย แต่รับรองว่าความรู้ที่ท่านได้ไป สามารถนำไปใช้ได้จริงกับทั้งตัวท่านผู้อ่านเอง และคนรอบข้างของท่านแน่นอนค่ะ