น้ำตาเทียมควรใช้แบบไหนดี? แล้วถ้าหยอดไปนานๆจะทำให้น้ำตาหยุดผลิตจริงไหม?

 

เวลานี้ต้องขอบอกก่อนเลยว่า น้ำตาเทียมที่มีอยู่ในท้องตลาด ณ ปัจจุบัน มีอยู่มากมายเหลือเกินค่ะ ซึ่งไม่แปลก ที่จะมีคำถามเหล่านี้เกิดขึ้น  และผู้ที่สงสัย ส่วนใหญ่ก็มักจะอยู่ในกลุ่มคนที่เพิ่งรู้ว่าตัวเองตาแห้งนั่นเองค่ะ

 

ดังนั้นจะขอแยกกลุ่มของนำ้ตาเทียม ออกเป็นสองกลุ่มใหญ่ๆ เพื่อจะได้เข้าใจกันง่ายมากขึ้นค่ะ

1. น้ำตาเทียมชนิดที่มีสารกันเสีย(tears with preservatives)

  • – น้ำตาเทียมชนิดนี้ มักบรรจุในภาชนะแบบขวด ขนาด10-15มิลลิลิตร
  • – หลังเปิดขวดสามารถเก็บได้นานประมาณ1เดือน
  • – เหมาะกับผู้ที่ตาแห้งน้อยๆ หรือหยอดในช่วงสั้นๆเท่านั้น

 

ข้อดี: ราคาไม่แพง

ข้อเสีย: เนื่องจากน้ำตาเทียมชนิดนี้ มีสารกันเสียอยู่ หากหยอดบ่อยเกิน4ครั้ง/วัน จะทำให้เกิดอันตรายต่อผิวกระจกตา หรือในผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์ หากหยอดบ่อย สารกันเสียนี้ก็จะสะสมในเนื้อคอนแทคเลนส์ได้ด้วย

2. น้ำตาเทียมชนิดที่ไม่มีสารกันเสีย(tear without preservatives)

  • – น้ำตาเทียมชนิดนี้ จะมีลักษณะเป็นหลอดพลาสติกเล็กๆ บรรจุน้ำตาเทียมในปริมาณน้อย ไม่เกิน1มิลลิลิตร
  • – เนื่องจากไม่มีสารกันเสียอยู่ ดังนั้นโอกาสปนเปื้อนเชื้อโรคก็มีมากขึ้น ฉะนั้นจึงแนะนำว่า ควรใช้ภายใน24ชั่วโมง หรือบางบริษัททำมาให้ ใช้เพียง12ชั่วโมงเท่านั้น

 

ข้อดี: เป็นชนิดที่แพทย์และนักทัศนมาตร แนะนำให้ใช้ เพราะไม่มีผลตามมาจากการสะสมของสารกันเสียในดวงตา  โดยเหมาะกับผู้ที่ตาแห้งมาก ใช้สายตาระยะใกล้นานๆต้องหยอดน้ำตาเทียมถี่ทุกชั่วโมง  หรือเหมาะกับผู้ที่มีโรคของกระจกตา เยื่อบุตา หรือใช้ในผู้ที่เพิ่งผ่าตัดด้านดวงตามา เป็นต้น

ข้อเสีย: ราคาสูง,1หลอดมีอายุการใช้งานน้อย

และอีกคำถามที่ว่า  แล้วถ้าหยอดน้ำตาเทียมไปนานๆล่ะ จะทำให้น้ำตาหยุดผลิตไปเลยจริงไหม?

ขอตอบว่า->ไม่จริงค่ะ

เพราะการผลิตน้ำตาขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ซึ่งการหยอดน้ำตาเทียมนั้นเป็นเพียงแค่การแก้ปัญหาปลายเหตุ ที่เกิดจากความผิดปกติเกี่ยวกับการสร้างน้ำตาตามธรรมชาติตั้งแต่แรกแล้วเท่านั้นค่ะ

 

เป็นยังไงกันบ้างคะ สำหรับคำตอบ ยังไงก็อย่าลืมหามาหยอดกันด้วยนะคะ

 

ด้วยความปารถนาดี

จาก นักทัศนมาตร ร้านแว่นตาศรไทย

ขอบคุณมากค่ะ